Last updated: 4 ธ.ค. 2562 | 3013 จำนวนผู้เข้าชม |
หากลูกหลาน ญาติพี่น้อง ที่ต้องการใช้บริการ Nursing Home หรือ ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ แต่ไม่แน่ใจว่าจะเลือกใช้บริการที่ไหนดี จริงๆแล้ว ต้องบอกแบบนี้เลยว่า ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุที่เปิดให้บริการส่วนใหญ่ ล้วนแต่มีบริการที่ดีด้วยกันทั้งนั้น เพียงแต่หากเราจะต้องตัดสินใจเลือกแล้ว เพื่อให้ได้ศูนย์ฯที่ดี และเหมาะสมที่สุดกับผู้สูงอายุของเรา คงต้องเลือกที่มาตรฐานการให้บริการเป็นหลัก ว่าศูนย์ดูแลผู้สูงอายุนั้นๆ มีมาตรฐานที่ตรงตามลักษณะที่ควรจะมีหรือไม่ เรามาดูกันเลยว่า ลักษณะของ Nursing Home ที่ได้มาตรฐานนั้น ต้องมีอะไรบ้าง
1. ด้านสถานที่
แต่ละส่วนจะมีมาตรฐานที่ปลอดภัย และสะดวกสบายต่อผู้สูงอายุ ดังนี้
- ห้องพัก มีให้เลือกทั้งห้องรวม ซึ่งมีอย่างน้อย 5 เตียงตามมาตรฐาน มีเพื่อนอยู่รวมหลายคน ไม่เหงา แต่จะรู้สึกแออัด ไม่เป็นส่วนตัว ห้องคู่ อยู่กันแค่สองเตียง ยังคงมีเพื่อนคุย แต่ก็ยังไม่ส่วนตัวมากเท่าไหร่ มีราคาสูงกว่าห้องรวม และ ห้องเดี่ยว ซึ่งเป็นห้องส่วนตัว ที่ญาติสามารถมาเฝ้าด้วยได้ มีความเป็นส่วนตัวสูง และราคาก็สูงกว่าห้องอื่นเช่นกัน มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เพดานสูงโปร่ง ห้องมีบรรยากาศดี อากาศถ่ายเท สะอาด เน้นสีเรียบ ดูสว่าง และเปิดม่านเห็นทัศนียภาพด้านนอกได้ง่าย เตียงนอนระบบไฟฟ้าปรับเอนได้ในตัว ประตูหน้าต่างแบบบานเลื่อน เพื่อความสะดวกเปิดง่าย พื้นผิวไม่ลื่น ไม่วางพรมให้สะดุด
- ห้องน้ำ เป็นจุดหลักเลย ที่ผู้สูงอายุมักจะใช้บ่อยๆ พื้นกระเบื้องต้องผิวหยาบกันลื่น และต้องมีระดับเดียวกัน ห้องน้ำควรมีความกว้าง 1.5 ถึง 2 เมตร ใช้ประตูบานเลื่อน หรือบานประตูเปิดออกด้านนอก หากเกิดเหตุฉุกเฉินจะช่วยได้ทัน หากเป็นลูกบิดประตูควรเป็นก้านโยก เพื่อไม่ให้ผู้สูงอายุออกแรงมาก มีราวจับหรือราวทรงตัวในห้องน้ำ โถสุขภัณฑ์แบบมีที่รองชักโครก และกดอัตโนมัติด้วย เพื่อให้สะดวกต่อการใช้งาน อ่างล้างหน้าควรติดตั้งให้สามารถรับน้ำหนักจากการท้าวแขนสำหรับผู้สูงอายุที่ใช้ไม้เท้าได้ ควรมีเก้าอี้นั่งอาบน้ำ และไม่ใช้กระจกกั้น ให้ใช้แบบม่านกั้นอาบน้ำแทน ที่สำคัญห้องน้ำต้องสะอาด ไร้คราบสกปรก เพื่อสุขอนามัยที่ดีแก่ผู้สูงอายุ
- ทางเดิน สำหรับทางเดินทั้งทางลาดและพื้น ควรเรียบเสมอกัน ไม่ยกพื้นต่างระดับ ผิวต้องไม่เรียบลื่นจนเกินไป มีแสงสว่างเพียงพอต่อการมองเห็น บางจุดของทางเดิน อาจติดตั้งราวจับช่วยพยุงตัว หากผู้สูงอายุใช้รถเข็น ควรมีทางลาดรถ และมีไฟอัตโนมัติ คอยช่วยให้เคลื่อนที่ได้อย่างสะดวกด้วย
- บันได ต้องมีราวจับทั้งสองข้าง หรือ 1 ข้างเป็นอย่างน้อย พื้นกว้าง และต้องไม่ลื่น มีสีที่เห็นชัดเจน เป็นขั้น กันก้าวเท้าพลาด และบันไดต้องมีแสงสว่างเพียงพอ
- ลิฟท์บันได อีกหนึ่งบันไดที่สะดวกสบาย สำหรับผู้สูงอายุที่มีปัญหาข้อเข่าเสื่อม โรคกระดูก ลงบันไดเองไม่ไหว การติดตั้งลิฟท์บันได จะติดตั้งตรงบริเวณราวบันได ให้สามารถนั่งเก้าอี้เลื่อนขึ้นลงได้ ไม่ต้องเดินเอง
- ระบบไฟ ปลั๊กไฟ สวิตซ์ไฟ สำหรับผู้สูงอายุควรมี Auto night light ระบบไฟส่องสว่างอัตโนมัติ จะช่วยอำนวยความสะดวกยามค่ำคืน ซึ่งจะทำงานอัตโนมัติเมื่อลุกขึ้นจากเตียง ซึ่งควรจะมีตั้งแต่หัวเตียง นำทางไปจนถึงห้องน้ำ
2. ด้านบุคลากรและการบริการ
การให้บริการดูแลผู้สูงอายุ แน่นอนว่า มาตรฐานของศูนย์ฯ จะต้องมีผู้เชี่ยวชาญในการดูแล ไม่ว่าจะเป็น แพทย์อายุรกรรม พยาบาลวิชาชีพ เจ้าหน้าที่ดูแล นักกายภาพบำบัด นักกิจกรรมบำบัด นักสันทนาการบำบัด นักโภชนาการ แพทย์แผนจีน และ เภสัชกร ซึ่งทั้งหมดต้องผ่านการฝึกอบรม ฝึกปฏิบัติ ในการดูแลผู้สูงอายุอย่างมืออาชีพ
3. ระบบประสานงานกับโรงพยาบาลใกล้เคียง
การดูแลผู้สูงอายุไม่เพียงแต่ใส่ใจดูแลเฉพาะในศูนย์เท่านั้น แต่จะต้องดูแลไปจนถึงยามฉุกเฉิน ศูนย์ดูแลฯ จะต้องมีระบบประสานงานกับโรงพยาบาลใกล้เคียง เพื่อส่งผู้สูงอายุที่ตกอยู่ในภาวะฉุกเฉิน ในกรณีเร่งด่วนศูนย์ดูแล ควรอยู่ห่างโรงพยาบาลไม่เกิน 30 นาที ยิ่งถ้าศูนย์ตั้งอยู่บริเวณใกล้ทางด่วน เดินทางสะดวก รถไม่ติด ก็ยิ่งดีต่อผู้ป่วย และต้องมีการติดต่อญาติอย่างรวดเร็ว
4. กิจกรรมฟื้นฟูร่างกาย และจิตใจผู้สูงอายุ
แน่นอนว่ามาอยู่ Nursing Home ภายใต้การดูแลของศูนย์ฯ ตามมาตรฐาน จะต้องมีกิจกรรมเพื่อฟื้นฟูร่างกายและจิตใจของผู้สูงอายุ โดยจะต้องทำความเข้าใจถึงความต้องการของผู้สูงอายุรายนั้นๆก่อน ก่อนที่จะให้ทำกิจกรรมที่ศูนย์ฯจัดให้ ซึ่งเป็น 2 แบบ ได้แก่
- กิจกรรมฟื้นฟูร่างกาย เช่น กายภาพบำบัด คลาสออกกำลังกาย เล่นโยคะ ธาราบำบัด นวดสำหรับผู้สูงอายุ เป็นต้น
- กิจกรรมฟื้นฟูจิตใจ เช่น ดนตรีบำบัด ศิลปะบำบัด การนั่งสมาธิ ฝึกงานฝีมือ ทำอาหาร ทำขนม เล่นเกมหมากรุก จัดดอกไม้ ดูหนัง พูดคุยกันประสากลุ่มผู้สูงอายุ
ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้ จะทำให้ผู้สูงอายุ ไม่รู้สึกเหงา เบื่อ และรู้สึกชีวิตมีคุณค่ามากขึ้น
5. การดูแลต้องได้มาตรฐานโรงพยาบาล
สำหรับศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ สิ่งที่จะทำให้เชื่อมั่นตามมาตรฐานได้ คือการมีมาตรฐานเทียบเท่าโรงพยาบาล ถึงแม้จะเป็นศูนย์ฯ แต่การดูแลทุกขั้นตอน ต้องทำให้ได้เทียบเท่ากับโรงพยาบาล เพราะทีมงานเป็นแบบสหวิชาชีพ จะมีความรู้ ความเชี่ยวชาญในการดูแลรอบด้าน เหมือนเจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาลทุกอย่าง เพื่อให้ลูกหลาน ญาติ และผู้สูงอายุมั่นใจในบริการ พักอาศัยอย่างมีความสุขได้เหมือนบ้าน อีกทั้งยังมีมาตรฐานการเก็บประวัติและตรวจร่างกายเบื้องต้นทุกวันเหมือนในโรงพยาบาล สามารถส่งข้อมูลให้ทั้งคนไข้และหมอได้ทันที หากมีความจำเป็น
6. สังคม และสิ่งแวดล้อมที่ดีเพื่อผู้สูงอายุ
การเป็นศูนย์ดูแลผู้สูงอายุที่มีมาตรฐาน จะต้องมีสิ่งแวดล้อมที่ทำให้ผู้สูงอายุรู้สึกเหมือนบ้าน และในขณะเดียวกัน ก็ต้องทำให้ผู้สูงอายุรู้สึกสนุก ไปกับสิ่งต่างๆที่ทางศูนย์จัดเตรียมไว้ให้ ทั้ง สระว่ายน้ำ สวนสวยที่ดูเป็นธรรมชาติ ตั้งอยู่ในบรรยากาศที่ดี ไม่มีเสียงดังรบกวน สะอาด ไร้กลิ่น ด้านสังคม มีกิจกรรมกลุ่มกับผู้สูงอายุ ทำให้มีสังคมใหม่เพิ่มขึ้น และ ลูกหลานสามารถมาทำกิจกรรมร่วมได้ตามเทศกาลต่างๆด้วย
7. มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน
อย่างที่เห็นข้างต้น มาตรฐานที่ดี พื้นที่ต่างๆ จะต้องรองรับให้เหมาะสมกับผู้สูงอายุ แต่ก็ยังมีสิ่งที่ขาดไม่ได้อีกหลายอย่างที่ควรมี ไม่ว่าจะเป็น ห้องน้ำมีฝารองนั่งชักโครกอัตโนมัติ ระบบไฟ ระบบน้ำ ระบบเตือนเมื่อล้ม ระบบการแจ้งเตือนต่างๆ กล้องวงจรปิดแบบ Real-Time 24 ชั่วโมง ระบบการส่งต่อผู้ป่วยไปโรงพยาบาล ระบบการบันทึกข้อมูล ติดตามผลการรักษา และการใช้ยาของผู้สูงอายุ เพื่อให้การดูแลเป็นไปอย่างราบรื่นละต่อเนื่อง
8. ความน่าเชื่อถือ
ความมั่นใจต่อศูนย์ดูแลผู้สูงอายุเป็นสิ่งสำคัญ เมื่อต้องการเลือกก็ต้องสืบค้นข้อมูลให้ดี ตามมาตรฐานที่กล่าวไปข้างต้น ทั้งสถานที่ วิธีปฏิบัติ และทีมงานแพทย์ พยาบาล อาจจะหาจากรีวิวจากผู้ใช้บริการ ว่ามีความคิดเห็นไปในทางที่ดีไหม สุดท้าย ควรเข้าไปดูสถานที่จริงและเช็คลิสต์ตามมาตรฐานข้างต้นกันเลย เพื่อเป็นทางออกในการตัดสินใจเลือกศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ
สรุปคือ หากกำลังมองหาศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ ที่มั่นใจ เชื่อถือได้แน่นอน ให้ดูที่ตัวสถานที่ สิ่งแวดล้อม สิ่งอำนวยความสะดวก ทีมงานดูแล ที่สำคัญที่สุด การให้บริการดูแลของศูนย์ฯ เป็นไปอย่างที่เราคาดหวังหรือไม่ ถ้าใช่ ทั้งหมดนี้ Nursing Home หรือ ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุของเรา คือ สถานที่ตอบโจทย์การดูแลผู้สูงอายุ ที่มีมาตรฐานครบถ้วนตามนี้ทุกอย่าง และมีมากยิ่งกว่า คือ การบริการด้วยใจรัก ใส่ใจ ห่วงใยผู้สูงอายุเสมือนญาติ ลูกหลานสบายใจหายห่วงได้เลย
ปรึกษาปัญหาผู้สูงอายุ สอบถามบริการ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย (เบอร์ 099-441-4690, 086-955-8889) หรือ ติดต่อเรา
30 ก.ย. 2562
30 ก.ย. 2562
30 ก.ย. 2562
11 ธ.ค. 2562